ใส่คีย์เวิร์ดที่ต้องการค้นหาด้านล่างเพื่อค้นหาบทความและผลิตภัณฑ์
ใคร ๆ ก็ชอบเล่นกับแมว เพราะมีหน้าตาชวนหลงใหลและขนสวยนุ่มฟู ทำให้แมวดูน่ารักน่ากอดอยู่เสมอ แต่ในบางครั้ง เจ้าตัวน้อยของคุณก็อาจเผชิญกับปัญหาผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นเชื้อราในแมว อาการขนร่วง ผิวหนังบวมแดง และมีสะเก็ดตามตัว แต่ไม่ต้องกังวล! ปัญหาเหล่านี้สามารถรักษาได้และจะไม่ทำให้ความน่ารักของแมวลดลงอย่างแน่นอน
แมวแต่ละสายพันธุ์มีลักษณะผิวหนังและเส้นขนต่างกัน บางพันธุ์ก็มีผิวสีชมพู ในขณะที่บางพันธุ์ก็มีผิวสีดำ ส่วนขนก็จะมีตั้งแต่ขนสั้นไปจนถึงยาว ขนไม่เพียงแต่เสริมลุคให้แมวดูน่ารักน่ากอด แต่ทั้งผิวหนังและเส้นขนยังเป็นตัวบ่งชี้สุขภาพภายในของแมวด้วย โดยมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพ ความเป็นอยู่ และการใช้ชีวิตของแมว
มาทำความเข้าใจโรคผิวหนังของแมวกันให้มากขึ้นในบทความนี้ ทั้งวิธีสังเกตอาการและวิธีรักษาปัญหาต่าง ๆ อย่างเหมาะสม
ปัญหาผิวหนังในแมวที่พบได้บ่อยและเป็นปัญหาที่ผู้เลี้ยงควรระมัดระวัง มีดังนี้
แมวก็เป็นสิวได้เช่นกัน และเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยด้วย สิวอาจเกิดจากการอุดตันบริเวณรูขุมขนหรือการติดเชื้อแบคทีเรีย สิวในแมวมักมีลักษณะเป็นเม็ดตุ่มและมีสีดำ โดยจะพบมากในบริเวณใต้ริมฝีปากและคาง
โรคหิดเป็นปัญหาผิวหนังที่พบได้บ่อย สาเหตุของโรคนี้เกิดจากตัวไรที่ชอนไชลงไปในผิวหนัง ทำให้แมวมีอาการคันและเกาตัวบ่อย ซึ่งการเกามักจะทำให้อาการยิ่งแย่ลง โดยอาจเกิดสะเก็ดและรอยแดงตามผิวหนัง
โรคไรในหูเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในแมวทุกช่วงวัย และพบได้มากในลูกแมว เจ้าตัวน้อยเหล่านี้มักจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไรในหู แมวที่ติดเชื้อมักจะเกาหูและสะบัดหัวบ่อย ๆ
สารก่อภูมิแพ้ในสภาพแวดล้อม เช่น ละอองเกสร ฝุ่น และเชื้อรา เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคผิวหนังในแมวบ่อยที่สุด เพราะแมวมักจะสำรวจสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอยู่เสมอ การสัมผัสสารก่อภูมิแพ้อาจทำให้แมวขนร่วง เชื้อราที่ติดตัวมาก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ ผิวเป็นรอยแดง แห้งและเป็นสะเก็ด
ถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่พบได้บ่อย การแพ้อาหารอาจทำให้แมวเป็นโรคผิวหนัง ขนร่วง รวมถึงมีอาการระคายเคืองบริเวณศีรษะ คอ และหลัง ผู้เลี้ยงจึงควรดูแลเอาใจใส่โภชนาการของแมวมากเป็นพิเศษ
ฝีเป็นปัญหาผิวหนังที่พบได้บ่อยในแมวเลี้ยงระบบเปิดและแมวที่ชอบหนีเที่ยวนอกบ้าน ฝีมักจะเกิดจากการบาดเจ็บตามร่างกาย เช่น การกัดและข่วนจากสัตว์ตัวอื่น ฝีอาจทำให้แมวขนร่วง เชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียก็จะสะสมมากขึ้นเพราะแมวมักจะเกาตัวจนเกิดบาดแผล ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อและแผลเป็นหนองได้
โรคผิวหนังในแมวเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งแต่ละสาเหตุก็จะมีลักษณะอาการแตกต่างกันไป การเรียนรู้อาการผิดปกติต่าง ๆ จะช่วยให้คุณค้นหาวิธีรักษาเชื้อราในแมวหรือปัญหาอื่น ๆ ได้อย่างเหมาะสม โดยอาการของโรคผิวหนังที่พบบ่อย มีดังนี้
ขนร่วงเป็นอาการที่พบบ่อยและเด่นชัดที่สุดของปัญหาผิวหนังในแมว แนะนำให้หมั่นสังเกตสภาพผิวหนังของแมว และปรึกษาสัตวแพทย์เมื่อพบว่าน้องแมวขนร่วงเป็นหย่อม ๆ
อาการคันมักจะมาควบคู่กับปัญหาแมวขนร่วง เชื้อราแมว และอาการอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้แมวรู้สึกไม่สบายและเลียตัวมากขึ้นเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด หรือในบางกรณีอาจทำให้แมวมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง
แผลพุพองและสะเก็ดแผลเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาผิวหนังที่ร้ายแรง การมีแผลเปิดจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย จึงเป็นอาการที่ควรได้รับการรักษาในทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ
โรคผิวหนังอาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่น ทำให้ผิวแห้งและเป็นขุย อาจจะดูเป็นปัญหาที่ไม่ร้ายแรง แต่มันทำให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอและอาจทำให้สูญเสียสารอาหารที่จำเป็นบนผิวหนังด้วย จึงควรได้รับการดูแลรักษาทันที
ปัญหาผิวหนังในแมวควรได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม หากปล่อยทิ้งไว้อาจก่อให้เกิดการสะสมของสิ่งสกปรก เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว และเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อที่หูได้ แมวที่ติดเชื้อมักจะข่วนหรือเกาหูอย่างรุนแรง จนส่งผลให้เกิดบาดแผล อาการบาดเจ็บ หรืออาจสูญเสียการได้ยิน
นอกจากปัญหาแมวขนร่วง เชื้อราแมว อาการคัน และผิวแห้งเป็นขุยแล้ว คุณอาจพบอาการอื่น ๆ ด้วย เช่น ผื่น อาการบวม รอยนูน และตุ่มแดง
หากแมวของคุณมีปัญหาผิวหนัง คุณสามารถดูแลและช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดให้พวกเค้าได้ด้วยการใช้ตัวช่วยเหล่านี้
การแช่ตัวในน้ำชาได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยแก้ปัญหาผิวหนังของแมวได้ รวมถึงช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองและอาการคันได้ด้วย โดยแนะนำให้เลือกใช้ชาจากดอกคาโมไมล์ ดาวเรือง หรือชาเขียว ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องคุณสมบัติในการผ่อนคลาย
แอปเปิลไซเดอร์ผสมน้ำช่วยบรรเทาอาการคันและผิวแห้งเป็นขุยได้ นอกจากนี้มันยังช่วยลดการเกิดอาการแพ้ ผดผื่น และการติดเชื้อราในแมวด้วย
ถือเป็นไอเทมยอดนิยมในการดูแลปัญหาผิวหนังในแมว เนื่องจากมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราในแมว รวมถึงช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากภาวะภูมิแพ้และแมลงกัดต่อยด้วย
อย่างไรก็ตาม ปัญหาผิวหนังที่รุนแรงจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาโดยสัตวแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ คุณหมออาจแนะนำให้ใช้ยาปฏิชีวนะ ยาใช้ภายนอก ยาทา และยาชนิดอื่น ๆ ตามลักษณะอาการ
โรคหิดในแมวสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการใช้ยาเฉพาะที่และการกำจัดปรสิต ซึ่งยารักษามีให้เลือกหลายรูปแบบ ทั้งแบบยาฉีด แชมพู หรือยาหยด นอกจากนี้สัตวแพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยากำจัดตัวไร รวมไปถึงยาปฏิชีวนะและยาลดอาการอักเสบตามความเหมาะสม
ปัญหาผิวแห้งและลอกเป็นขุยเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการแพ้อาหาร การสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ในสภาพแวดล้อม และการติดเชื้อราในแมว อย่างไรก็ตาม คุณสามารถดูแลแมวได้ด้วยการให้อาหารที่มีส่วนประกอบของโอเมก้า 3 ซิงค์ และกรดไขมันที่จำเป็น หรืออาจใช้แอปเปิลไซเดอร์ผสมน้ำฉีดทั่วตัวควบคู่ไปด้วยก็ได้
สะเก็ดแผลไม่ได้บ่งบอกถึงการติดเชื้อไรหรือเห็บหมัดเพียงอย่างเดียว แต่มันอาจเกิดจากการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ในสภาพแวดล้อม เช่น ฝุ่นและสิ่งสกปรก หรืออาจเป็นเพราะบาดแผลจากการต่อสู้ เราสามารถใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ในการรักษาสะเก็ดแผล รวมถึงบรรเทาอาการคันและอาการระคายเคืองได้
โรคหิดเกิดจากการติดเชื้อไรและหมัด ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาและป้องกันอย่างเหมาะสม ไม่สามารถหายได้เอง เมื่อกำจัดตัวไรเรียบร้อยแล้ว สามารถใช้ยาตามคำแนะนำของสัตวแพทย์เพื่อรักษาโรคหิดให้หายเร็วยิ่งขึ้นได้
ระยะเวลาในการรักษาโรคผิวหนังหรือรักษาเชื้อราในแมวขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อายุ การใช้ชีวิต และความรุนแรงของอาการ แต่แมวส่วนใหญ่จะดีขึ้นภายใน 8 - 10 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม หากแมวแสดงอาการที่บ่งบอกถึงปัญหาผิวหนัง แนะนำให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที