
ความแตกต่างของการเลี้ยงน้องแมวในบ้านและนอกบ้าน
ถ้าคุณเลี้ยงน้องเหมียวไว้นอกบ้าน รับรองว่าเจ้านักล่าตัวน้อยนี้สร้างเขตแดนตัวเองอย่างชัดเจนแน่นอน
ควรเลี้ยงแมวในบ้านหรือนอกบ้าน แบบไหนดีว่ากันนะ? นี่เป็นหนึ่งในคำถามที่กดดันที่สุดสำหรับทาสแมว ด้วยสัญชาตญาณความเป็นนักล่าที่มีมาตั้งแต่กำเนิด ทำให้น้องแมวชื่นชอบการออกไปเดินเล่น สำรวจโลกภายนอก และล่าเหยื่อหรือสัตว์ตัวเล็ก พฤติกรรมเหล่านี้อาจนำอันตรายมาสู่เจ้าตัวน้อยของคุณได้ แต่การอยู่บ้านตลอดเวลาก็อาจส่งผลเสียต่ออารมณ์และสุขภาพของพวกเค้าได้เช่นกัน โดยเฉพาะโรคอ้วนหรือมีน้ำหนักตัวเกินจากการออกกำลังกายไม่เพียงพอ
เราเข้าใจดีว่าผู้เลี้ยงทุกคนต้องการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเจ้าเหมียวตัวน้อย เพื่อให้พวกเค้ามีความสุขและสุขภาพดี หากยังลังเลอยู่ว่าควรเลี้ยงน้องแมวแบบใด บทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น
อายุขัยของแมวที่เลี้ยงในบ้านและนอกบ้าน
น้องแมวที่เลี้ยงในบ้านจะมีอายุยืนกว่าน้องแมวที่เลี้ยงแบบปล่อย โดยอายุของแมวที่เลี้ยงในบ้านจะอยู่ระหว่าง 12 - 15 ปี ในขณะที่แมวนอกบ้านมักจะมีอายุเฉลี่ย 8 - 10 ปีเท่านั้น เนื่องจากพวกเค้าต้องเผชิญกับอันตรายมากมาย ทั้งความอดอยาก สภาพอากาศที่เลวร้าย โรคภัยไข้เจ็บ และอุบัติเหตุ อายุขัยแมวเหล่านี้จึงน้อยกว่าแมวในบ้านที่มีความเสี่ยงต่ำ
สุขภาพของแมว
ไม่ว่าจะเป็นแมวที่เลี้ยงในบ้านหรือนอกบ้าน ทั้งคู่ต่างก็มีโอกาสเจ็บป่วยได้เหมือนกัน เพียงแต่แมวที่เลี้ยงแบบปล่อยอาจติดโรคร้ายที่เป็นอันตรายถึงชีวิตง่ายกว่า ส่วนแมวที่เลี้ยงในบ้านมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอ้วนสูง เนื่องจากไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
โรคที่พบบ่อยในแมว
อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น น้องแมวทุกตัวมีโอกาสเจ็บป่วยได้ ดังนั้นทาสแมวจึงควรดูแลพวกเค้าอย่างใกล้ชิด และหมั่นสังเกตอาการผิดปกติ โดยโรคที่พบได้บ่อยในแมว มีดังนี้
โรคเอดส์แมว
โรคเอดส์แมวเป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิตและถือเป็นโรคติดต่อ โรคนี้ส่วนใหญ่พบมากในน้องแมวที่เลี้ยงนอกบ้าน
โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบในแมว (FIP)
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส จะเกิดขึ้นได้บ่อยในแมวจรและแมวที่เลี้ยงแบบปล่อย โดยน้องแมวอาจมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด มีไข้ มีอาการช็อก เบื่ออาหาร และอาเจียน อาการจะแย่ลงอย่างรวดเร็วและเป็นอันตรายถึงชีวิต
โรคหวัดแมว
เป็นอีกหนึ่งโรคที่พบบ่อยในแมวที่เลี้ยงแบบปล่อย แม้จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็สร้างความเสียหายให้กับระบบภูมิคุ้มกันของแมวเหมือนกัน จึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
ปรสิตที่พบบ่อยในแมว
ต่อไปนี้เป็นรายชื่อปรสิตตัวร้ายที่พบได้บ่อยทั้งในแมวเลี้ยงระบบปิดและระบบเปิด
พยาธิตัวกลม
เป็นปรสิตที่อาศัยอยู่ในลำไส้ของแมว เจ้าตัวร้ายเหล่านี้ทำให้น้องแมวมีอาการท้องเสีย ไม่สบายท้อง อาเจียน เบื่ออาหาร และน้ำหนักตัวลด
พยาธิตัวตืด
พยาธิชนิดนี้พบในลำไส้ส่วนล่างของแมว และมักจะปะปนอยู่ในอุจจาระของแมวที่ติดเชื้อ ซึ่งอาจติดต่อไปยังแมวตัวอื่นได้ โดยเฉพาะน้องแมวที่เลี้ยงแบบปล่อย พวกเค้ามีโอกาสติดเชื้อสูงกว่าแมวบ้านที่ได้รับการดูแลเรื่องขับถ่ายดีกว่า
พยาธิปากขอ
ทั้งแมวที่เลี้ยงแบบปล่อยและเลี้ยงในบ้านต่างก็มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อพยาธิปากขอ โดยอาจติดจากหมัดแมวและอุจจาระของแมวที่ติดเชื้อ
ข้อควรระวังในการเลี้ยงแมวนอกบ้าน
ก่อนตัดสินใจเลี้ยงแมวแบบปล่อยหรือสร้างบ้านแมวนอกบ้าน คุณอาจต้องพิจารณาเรื่องความปลอดภัยเหล่านี้กันก่อน
ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและปรสิต
แมวนอกบ้านมักจะติดเชื้อโรคและปรสิตมากกว่าแมวในบ้าน พวกเค้าเสี่ยงต่อโรคร้ายมากมาย เช่น โรคเอดส์แมว โรคลูคีเมียในแมว และโรคที่มีเห็บหมัดเป็นพาหะ เจ้าเหมียวที่อยู่ในบ้านแมวกลางแจ้งหรือถูกเลี้ยงแบบปล่อยนั้น ยังมีโอกาสล้มป่วยจากการกินสารพิษในแหล่งน้ำปนเปื้อนด้วย
อุบัติเหตุ
อุบัติเหตุบนท้องถนนถือเป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่ร้ายแรงและพบได้บ่อยที่สุดสำหรับน้องแมวที่เลี้ยงแบบปล่อย โดยเฉพาะน้องแมวที่อาศัยอยู่ใกล้ท้องถนนหรืออยู่ในบริเวณที่การจราจรพลุกพล่าน นอกจากนี้พวกเค้ายังเสี่ยงต่ออุบัติเหตุอื่น ๆ ด้วย เช่น การตกจากที่สูงหรือการได้รับบาดเจ็บจากการปีนป่าย
อันตรายจากสัตว์นักล่า
แมวที่อยู่นอกบ้านมักเผชิญกับอันตรายจากนักล่า เช่น เหยี่ยว สุนัข แร็กคูน และหมาป่า ดังนั้นหากไม่แน่ใจว่าบริเวณที่อยู่อาศัยของคุณปลอดภัยจากสัตว์นักล่าขนาดใหญ่หรือไม่ ทางที่ดีคุณควรออกไปข้างนอกพร้อมกับเจ้าตัวน้อยทุกครั้ง และแนะนำให้เปลี่ยนมาเลี้ยงเจ้าเหมียวในบ้าน
การพลัดหลง
การปล่อยให้น้องแมวออกไปเดินเล่นนอกบ้านตามลำพังอาจไม่ใช่ความคิดที่ดี โดยเฉพาะในละแวกบ้านใหม่ เพราะสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยอาจทำให้เจ้าตัวน้อยหลงทางได้ หากพวกเค้าชอบออกไปผจญภัยหรือต้องอยู่ในบ้านแมวนอกบ้าน แนะนำให้ฝังไมโครชิปหรือติดเครื่องติดตามที่ปลอกคอ เพื่อให้เช็กได้ตลอดเวลาว่าเจ้าเหมียวอยู่ที่ไหน
ควรดูแลอย่างไรให้น้องแมวมีความสุข?
การอยู่บ้านตลอดเวลาอาจทำให้น้องแมวรู้สึกเครียดและหดหู่ การให้อยู่แต่ในบ้านแมวกลางแจ้งก็เช่นกัน มันอาจทำให้พวกเค้าอารมณ์เสีย หงุดหงิด และกระสับกระส่าย ผู้เลี้ยงจึงต้องให้ความสำคัญกับการดูแลและทำกิจกรรม เพื่อให้แน่ใจน้องแมวได้รับการกระตุ้นทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างเพียงพอ โดยคุณสามารถทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ดูได้
- แบ่งเวลามาเล่นกับน้องแมวทุกวัน อาจชวนเล่นเกมซ่อนหา เล่นคาบของ หรือให้ตามล่าหาขนมที่ซ่อนอยู่ก็ได้ วิธีนี้จะช่วยให้น้องแมวได้ปลดปล่อยสัญชาตญาณความเป็นนักล่าในตัว
- น้องแมวส่วนใหญ่ชอบลับเล็บให้แหลมคมพร้อมสำหรับใช้งาน อีกทั้งการลับเล็บยังช่วยคลายเครียดได้ดี เสาลับเล็บจึงเป็นไอเทมที่ทาสแมวควรมีติดบ้าน
- ควรจัดหาคอนโดแมวหรือเสาปีนป่ายให้น้องแมวในบ้านปีนเล่น เพราะน้องแมวส่วนใหญ่ชอบปีนขึ้นที่สูงเพื่อคอยสังเกตการณ์และชมวิวโดยรอบ