ทำความเข้าใจวัคซีนแมว

เพราะการป้องกันดีกว่าการรักษา การฉีดวัคซีนแมวจึงมีความสำคัญมาก มันเป็นวิธีป้องกันที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง วัคซีนจะช่วยสร้างเกราะป้องกันและลดการแพร่กระจายของโรคร้าย เช่น โรคไข้หัดแมว โรคระบบทางเดินหายใจ การติดเชื้อคาลิไซไวรัส และโรคพิษสุนัขบ้าในแมว รวมถึงช่วยให้เจ้าตัวน้อยของคุณมีอายุยืนยาวและมีความสุข

แมวจำเป็นต้องฉีดวัคซีนหรือไม่?

แมวจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคร้ายนานาชนิดที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต วัคซีนแมวแบ่งออกเป็นวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือก โดยแมวทุกตัวจำเป็นต้องฉีดวัคซีนหลัก ซึ่งได้แก่ วัคซีนป้องกันโรคไข้หัดแมว (หรือโรคลำไส้อักเสบในแมว) โรคระบบทางเดินหายใจ และการติดเชื้อคาลิไซไวรัส นอกจากนี้ในหลาย ๆ ประเทศก็มีข้อบังคับให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในแมวเพื่อควบคุมการเกิดโรค สำหรับวัคซีนทางเลือกจะได้รับการแนะนำโดยพิจารณาจากความเสี่ยง สภาพแวดล้อม และไลฟ์สไตล์ของแมว เช่น วัคซีนป้องกันไวรัสมะเร็งเม็ดเลือดขาวในแมว (FeLV) ทั้งนี้สัตวแพทย์สามารถให้คำแนะนำ ประเมินความเสี่ยง และจัดตารางการฉีดวัคซีนแมวที่เหมาะสมสำหรับแมวของคุณได้

มีข้อบังคับเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนแมวหรือไม่?

ในทางกฎหมาย ไม่มีข้อบังคับเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนลูกแมวทุกชนิด แต่ในหลายประเทศและภูมิภาค มีการกำหนดให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในแมว เนื่องจากเป็นโรคร้ายแรงทั้งต่อสัตว์และมนุษย์

การฉีดวัคซีนให้ลูกแมวและแมวโตจำเป็นหรือไม่?

การฉีดวัคซีนลูกแมวและแมวโตมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะลูกแมวที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากเป็นพิเศษ การฉีดวัคซีนตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ลูกแมวมีภูมิคุ้มกันเพื่อต่อสู้กับโรคร้าย การฉีดวัคซีนกระตุ้นก็สำคัญเช่นกัน เพื่อให้แน่ใจว่าลูกแมวของคุณจะมีภูมิคุ้มกันที่จำเป็นและมีสุขภาพดีไปตลอดชีวิต

ประเภทของวัคซีนแมว

วัคซีนสำคัญที่แมวควรได้รับมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย

  1. วัคซีนแมว Tricat (วัคซีนรวม FVRCP)
    วัคซีนรวม FVRCP จะช่วยป้องกันโรคที่สำคัญสามโรคด้วยกัน ได้แก่ โรคระบบทางเดินหายใจ การติดเชื้อคาลิไซไวรัส และโรคไข้หัดแมว โรคระบบทางเดินหายใจมักจะมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนอย่างรุนแรง ในขณะที่เชื้อคาลิไซไวรัสจะทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจและเกิดโรคในช่องปาก ส่วนโรคไข้หัดแมวนั้น เป็นโรคติดต่อร้ายแรงและติดต่อได้ง่าย โรคนี้ทำให้แมวมีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ รวมถึงส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารและระบบประสาทของแมวด้วย
  2. วัคซีนแมว Tetracat
    วัคซีน Tetracat หรือวัคซีนรวม 4 โรค จะช่วยป้องกันโรคทั้งสามชนิดที่ครอบคลุมโดยวัคซีน FVRCP ข้างต้น รวมถึงป้องกันการติดเชื้อคลาไมเดีย ซึ่งทำให้เกิดเยื่อบุตาอักเสบและปัญหาระบบทางเดินหายใจในแมว
  3. วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
    โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคร้ายแรงที่ส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลางของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สามารถติดต่อสู่คนได้ และรักษาไม่หาย การฉีดวัคซีนป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะลูกแมวและแมวที่เลี้ยงนอกบ้าน
  4. วัคซีนป้องกันเชื้อไข้หัดแมว หรือ Feline Panleukopenia
    เป็นไวรัสที่ติดต่อได้ง่ายและอันตรายถึงชีวิต มันส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร ระบบภูมิคุ้มกัน และไขกระดูกของแมว โดยทั่วไปวัคซีนชนิดนี้จะรวมอยู่ในวัคซีนหลักสำหรับแมว

    ผู้เลี้ยงทุกคนควรให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนแมว ไม่เพียงแต่เพื่อสุขภาพของแมวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนด้วย

วัคซีนแมวแต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร?

วัคซีนแมวแต่ละชนิดจะแตกต่างกันไปตามการป้องกัน เช่น

  1. วัคซีนแมว Tricat – วัคซีนรวม FVRCP จะช่วยปกป้องแมวของคุณจากโรคร้าย 3 ชนิด ได้แก่ โรคระบบทางเดินหายใจ การติดเชื้อคาลิไซไวรัส และโรคไข้หัดแมว
  2. วัคซีนแมว Tetracat – นอกจากโรคระบบทางเดินหายใจ การติดเชื้อคาลิไซไวรัส และโรคไข้หัดแมวแล้ว ยังเพิ่มการป้องกันการติดเชื้อคลาไมเดียด้วย
  3. วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า – ป้องกันการเกิดและแพร่กระจายโรคพิษสุนัขบ้าทั้งในสัตว์เลี้ยงและคน
  4. วัคซีนป้องกันเชื้อไข้หัดแมว – เป็นวัคซีนที่สำคัญต่อความเป็นอยู่ของแมว โดยมุ่งเป้าไปที่การป้องกันภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ

วัคซีนแต่ละชนิดมีการป้องกันที่ออกแบบมาเพื่อให้แมวของคุณมีสุขภาพแข็งแรงและเติบโตได้อย่างดี

ตารางการฉีดวัคซีนแมว

หากสงสัยว่าลูกแมวเริ่มฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่? คุณสามารถทำตามตารางแนะนำด้านล่างนี้ได้

อายุชนิดวัคซีน
6 – 8 สัปดาห์วัคซีนรวม FVRCP เข็มแรก (ป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจ การติดเชื้อคาลิไซไวรัส และโรคไข้หัดแมว)
10 – 12 สัปดาห์วัคซีนรวม FVRCP เข็มที่สอง
12 – 16 สัปดาห์วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
14 – 16 สัปดาห์วัคซีนรวม FVRCP เข็มสุดท้าย
เข็มกระตุ้นวัคซีนรวม FVRCP และโรคพิษสุนัขบ้า

วัคซีนทางเลือก

นอกจากวัคซีนหลักที่กล่าวไปแล้วข้างต้น สัตวแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนเพิ่มเติม โดยจะพิจารณาจากความเสี่ยง ไลฟ์สไตล์ และสภาพแวดล้อม โดยวัคซีนทางเลือกที่สัตวแพทย์ส่วนใหญ่แนะนำคือวัคซีนป้องกันโรคเอดส์แมว (Feline Immunodeficiency Virus - FIV)

ควรฉีดวัคซีนแมวเมื่อไหร่?

แมวควรได้รับการฉีดวัคซีนตามอายุดังนี้

ลูกแมวควรเริ่มฉีดวัคซีนหลักเมื่อมีอายุประมาณ 6 – 8 สัปดาห์ จากนั้นฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่อมีอายุ 10 – 12 สัปดาห์ และ 14 – 16 สัปดาห์ ส่วนวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในแมวจะเริ่มตอนอายุ 12 – 16 สัปดาห์ ทั้งนี้วัคซีนรวม FVRCP และโรคพิษสุนัขบ้าจำเป็นต้องฉีดกระตุ้นซ้ำทุกปี

โรคที่ป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน

วัคซีนช่วยปกป้องแมวจากโรคร้าย เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ โรคไข้หัดแมว การติดเชื้อคาลิไซไวรัสและเชื้อคลาไมเดีย นอกจากนี้ยังป้องกันไวรัสมะเร็งเม็ดเลือดขาวในแมวและโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมว (FIV) ด้วย

การเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีน

การเตรียมตัวก่อนพาเจ้าเหมียวไปฉีดวัคซีนมีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้

  1. นัดหมายกับสัตวแพทย์และให้รายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ยา อาหาร และประวัติการฉีดวัคซีน
  2. เพื่อบรรเทาความเครียดและทำให้ลูกแมวของคุณสงบ ให้นำของเล่นหรือผ้าห่มผืนโปรดติดไปด้วย
  3. แจ้งให้สัตวแพทย์ทราบถึงความชอบและพฤติกรรมของแมว เพื่อให้การฉีดวัคซีนแมวเป็นไปอย่างราบรื่น

การฉีดวัคซีนแมวมีผลข้างเคียงหรือไม่?

หลังจากฉีดวัคซีน แมวอาจมีอาการต่าง ๆ เช่น เหนื่อยล้าเล็กน้อย มีไข้ต่ำ หรือมีรอยบวมเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด อาการเหล่านี้เป็นอาการชั่วคราว มันบ่งบอกว่าระบบภูมิคุ้มกันของพวกเค้ากำลังเตรียมพร้อม! แมวบางตัวอาจมีอาการท้องเสียหรือเบื่ออาหารด้วย ผลข้างเคียงที่รุนแรงมีโอกาสเกิดขึ้นน้อย แต่หากพบอาการผิดปกติหรือมีอาการเป็นเวลานาน ควรปรึกษาหาสัตวแพทย์ทันที

วิธีดูแลหลังการฉีดวัคซีนแมว

  1. เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด – หมั่นสังเกตอาการหรือพฤติกรรมที่ผิดปกติ ติดต่อสัตวแพทย์ทันทีหากแมวมีอาการผิดปกติ
  2. จัดเตรียมมุมพักผ่อน – ควรเตรียมพื้นที่ที่เงียบสงบและสะดวกสบายให้แมวของคุณได้พักผ่อน
  3. เตรียมน้ำให้เพียงพอ – เตรียมน้ำสะอาดให้เพียงพอ วางในมุมที่เข้าถึงง่าย
  4. ไม่รบกวนแมว – ปล่อยให้แมวพักผ่อนและใช้เวลาส่วนตัว หลีกเลี่ยงการเล่นแรง ๆ สักหนึ่งหรือสองวัน
  5. ตรวจสอบหลังฉีดวัคซีน – ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่อาการบวมแดงมากเกินไป